วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2559
วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2559
ประเทศฝรั่งเศส (France)
พื้นที่
ฝรั่งเศสมีพื้นที่ 550,000 ตารางกิโลเมตร นับเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก (ประมาณเกือบหนึ่งในห้าของพื้นที่ของสหภาพยุโรป) อีกทั้งยังมีพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่กินอาณาบริเวณกว้างขวาง (เขตเศรษฐกิจจำเพาะมีพื้นที่ทั้งสิ้น 11 ล้านตารางกิโลเมตร)
ภูมิประเทศ
พื้นที่ประมาณสองในสามของประเทศฝรั่งเศสเป็นที่ราบ เทือกเขาที่สำคัญได้แก่ เทือกเขาแอล์ปซึ่งมียอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรป คือ ยอดเขามงต์บลองก์ (Mont-Blanc) สูง 4,807 เมตร เทือกเขาปิเรเนส์ เทือกเขาจูรา เทือกเขาอาร์แดนส์ เทือกเขามาสซิฟ ซองทราลและเทือกเขาโวจช์ ประเทศฝรั่งเศสมีชายฝั่งทะเลอยู่ถึง 4 ด้าน คิดเป็นความยาวรวมทั้งสิ้น 5,500 กิโลเมตร (ทะเลเหนือ ช่องแคบอังกฤษ มหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน)
ภูมิอากาศ
มี 3 แบบคือ
- แบบชายฝั่งทะเลตะวันตก (บริเวณตะวันตกของประเทศ)
- แบบเมดิเตอร์เรเนียน (ทางตอนใต้ของประเทศ)
- แบบภาคพื้นทวีป (ทางตอนกลางและภาคตะวันออกของประเทศ)
สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
พื้นที่เกษตรกรรมและทำป่าไม้มีประมาณ 48 ล้านเฮกตาร์ คิดเป็นร้อยละ 82 ของพื้นที่โดยรวมทั้งประเทศ (เฉพาะฝรั่งเศสส่วนภาคพื้นทวีป)
พื้นที่ป่ามีประมาณร้อยละ 30 และนับว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหภาพยุโรปรองจากสวีเดนและฟินแลนด์ ตั้งแต่ปี 1945 พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 46 และถ้าพูดถึงในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา นับว่าเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว
ฝรั่งเศสมีความแตกต่างไปจากประเทศอื่นๆในยุโรปเพราะมีพันธุ์ไม้มากถึง 136 ชนิด ในส่วนของสัตว์ใหญ่ก็เพิ่มจำนวนขึ้น ภายในช่วงระยะเวลา 20 ปี จำนวนของสัตว์ประเภทกวางเพิ่มขึ้นถึง 2-3 เท่า
ประเทศฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับมรดกทางธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ จึงได้มีการจัดตั้ง
- อุทยานแห่งชาติ 7 แห่ง
- ป่าสงวน 156 แห่ง
- เขตรักษาพันธุ์พืชและสัตว์ป่า 516 แห่ง
- รวมทั้งประกาศให้พื้นที่อีก 429 แห่งเป็นเขตอนุรักษ์อยู่ภายใต้การดูแลของสถาบันอนุรักษ์ชายฝั่งทะเล
- นอกจากนี้ยังมีอุทยานธรรมชาติตามภูมิภาคต่างๆ อีกกว่า 37 แห่งซึ่งกินพื้นที่กว่าร้อยละ 7 ของประเทศ
งบประมาณจำนวน 32 พันล้านยูโรได้รับการจัดสรรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเมื่อคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อประชากรจะเท่ากับ 516 ยูโร ทั้งนี้ 3 ส่วน 4 ของเงินข้างต้นจะเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องของการบำบัดน้ำเสียและการจัดการของเสียต่างๆ
ในระดับนานาชาติ ฝรั่งเศสเป็นภาคีของสนธิสัญญาและอนุสัญญาทางด้านสิ่งแวดล้อมหลายฉบับ รวมทั้งอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพและการแปรสภาพเป็นทะเลทราย
ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.environnement.gouv.fr
เพลงชาติและคำขวัญ
ลา มาร์เซยแยส (La Marseillaise) เป็นเพลงชาติของฝรั่งเศสมาตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 1795 แต่เดิมเพลงนี้มีชื่อว่า Chant de guerre pour l’armée du Rhin ซึ่งประพันธ์ขึ้นที่เมืองสตราสบูรก์เมื่อปี 1792 คำขวัญของสาธารณรัฐฝรั่งเศสคือเสรีภาพ เสมอภาคและภราดรภาพ
ธงชาติของฝรั่งเศส
วันชาติ
14 กรกฎาคม
ประชากร
- ประชากรจำนวน 62.2 ล้านคน (ปี 2005)
- ความหนาแน่นของประชากร 96 คนต่อตารางกิโลเมตร
- เมืองมีประชากรมากกว่า 100,000 คนมีถึง 57 เมือง
เมืองที่มีประชากรมากที่สุดห้าอันดับแรกคือ
การแบ่งส่วนการปกครอง
- ส่วนที่อยู่บนภาคพื้นทวีป
- จังหวัดโพ้นทะเล (DOM) 4 จังหวัดได้แก่ กัวเดอลูป มาร์ตินิก เฟรนช์เกียนาและลา เรอูนียง
- ดินแดนโพ้นทะเล (TOM) 5 แห่งได้แก่ เฟรนช์ โปลิเนเซีย, วาลลิสและฟูตูนา, มายอตต์, แซงต์-ปิแอร์-เอต์-มิเกอล็ง, เฟรนช์ เซาเทิร์นและแอนตาร์กติก แทร์ริทอร์รีส์
- ดินแดนที่มีสถานภาพพิเศษอีก 1 แห่งคือ นิวแคลิโดเนีย
ประเทศฝรั่งเศส แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
- เทศบาล เป็นองค์การปกครองส่วนที่เล็กที่สุด จำนวนประมาณ 37,000 communes
- จังหวัด เป็นองค์การปกครองขนาดกลาง ในฝรั่งเศสมีจำนวนประมาณ 100 département ซึ่งรวมถึงดินแดนโพ้นทะเล 4 แห่ง คือ Martinique, Guadeloupe, Réunion และ French Guyana
- มณฑล เป็นองค์การปกครองที่ใหญ่ที่สุด ประเทศฝรั่งเศสมีทั้งสิ้น 26 แคว้น ประกอบด้วย (1) ภาคพื้นทวีปยุโรป (Metropolitan France) 13 แคว้น (regions) ได้แก่1. Alsace-Champagne-Ardenne-Lorraine
2. Aquitaine-Limousin-Poitou-Charentes
3. Auvergne-Rhône-Alpes
4. Bourgogne-Franche-Comté
5. Brittany
6. Centre-Val de Loire
7. Île-de-France
8. Languedoc-Roussillon-Midi-Pyrénées
9. Nord-Pas-de-Calais-Picardy
10. Normandy
11. Pays de la Loire
12. Provence-Alpes-Côte d’Azur
13. Corsica
ส่วนที่อยู่บนภาคพื้นทวีป
การปกครอง
การเมืองการปกครอง ระบบการปกครอง- ประชาธิปไตยในรูปแบบสาธารณรัฐ โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุข
สาธารณรัฐฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แบบสาธารณรัฐเดี่ยวกึ่งประธานาธิบดี รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2501 โดยผ่านการลงประชามติ สาระสำคัญในรัฐธรรมนูญนั้นคือการเพิ่มอำนาจประธานาธิบดี อำนาจฝ่ายบริหารนั้นถูกแบ่งออกและมีหัวหน้า 2 คน ซึ่งก็คือประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ ผ่านการเลือกตั้งโดยตรงแบบสากล มีวาระ 5 ปี (เดิม 7 ปี) มีตำแหน่งประมุขแห่งรัฐอีกด้วย และนายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรัฐบาล ซึ่งถูกแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี
รัฐสภาฝรั่งเศสนั้นแบ่งออกเป็น 2 สภาได้แก่ สภาผู้แทนราษฎร (Assemblée Nationale) และ วุฒิสภา (Sénat) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นตัวแทนในเขตเลือกตั้ง มาจากการเลือกตั้งโดยตรง มีวาระ 5 ปี สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีและเสียงข้างมากในสภาสามารถกำหนดการตัดสินใจของรัฐบาลอีกด้วย สมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกของคณะผู้เลือกตั้ง มีวาระ 6 ปี (เดิม 9 ปี)
เงินตราฝรั่งเศส : สกุลยูโร (€)
เหรียญ 1€ =100 Cents
วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของ ฝรั่งเศส
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของ ฝรั่งเศส
Château de Versailles
พระราชวังแวร์ซายส์ เป็นพระราชวังที่สวยงาม สร้างขึ้นโดย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส มีนายช่างสถาปนิก อัลเดรด เลอ นอสเตอร์ เป็นผู้ออกแบบ เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2204 (ค.ศ. 1661) ใช้เวลาในการสร้างอยู่นานถึง 30 ปี จึงแล้วเสร็จ สิ้นเงินค่าสร้าง 500,000,000 ฟรังก์ ใช้คนงาน 30,000 คน ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างและศิลปกรรมก่อสร้างที่งดงามมาก
ภายในพระราชวังแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ห้องทรงพระอักษร ห้องโถง ห้องออกว่าราชการ ฯลฯ แต่ละห้องมีเครื่องประดับมีค่ามากมาย ทั้งวัตถุ และ ภาพเขียนศิลปะที่มีชื่อเสียง ห้องที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมากที่สุด คือ ห้องกระจกที่เคยใช้ลงนาม เซ็นสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตร กับเยอรมัน ในคราวมสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นที่ใช้ลงนามในครั้งเมื่อเยอรมันบุกตีชนะฝรั่งเศส ในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ในการทำสงครามใหญ่ทุกครั้งฝรั่งเศส จะต้องประกาศให้ปารีสเป็นเมืองปลอดทหารคือ ไม่มีทหารตั้งอยู่ ไม่มีการต่อสู้ใด ๆทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาไม่ให้พระราชวังแห่งนี้ ต้องได้รับความเสียหายจากการโจมตี ของข้าศึก ปัจจุบันเป็นสถาปัตยกรรมมีค่าที่สุดของฝรั่งเศสและโลก ที่มีนักท่องเที่ยวไปชมความงามไม่น้อยกว่า 1,000,000 คน ต่อปี
Arc de triomphe de l'Étoile
ประตูชัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "แนวเส้นตรงทางประวัติศาสตร์" (L'Axe historique) ซึ่งเป็นถนนเส้นตรงจากสวนพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ไปยังชานเมืองปารีส ประตูชัยแห่งนี้ออกแบบโดยฌอง ชาลแกร็งในปี พ.ศ. 2349 โดยมียุวชนเปลือยชาวฝรั่งเศสกำลังต่อสู้กับทหารเยอรมัน เต็มไปด้วยเคราและใส่เกราะเป็นสัญลักษณ์เพื่อเป็นการปลุกใจ และเป็นอนุสรณ์สถานจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 1
ประตูชัยฝรั่งเศสมีความสูง 49.5 เมตร (165 ฟุต) กว้าง 45 เมตร (148 ฟุต) และลึก 22 เมตร (72 ฟุต) เป็นประตูชัยที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน แบบของประตูชัยฝรั่งเศสนี้ได้แนวความคิดมาจากประตูชัยไททัส (สร้างในสมัย จักรวรรดิโรมัน ตั้งอยู่ที่เมืองโรม ประเทศ อิตาลี)
Avenue des Champs-Élysées
แอวะนู เดส์ ชองป์ส เอลิเซ่ เป็นถนนในเขตที่ 8 ของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นย่านการค้าที่ประกอบด้วยโรงละคร คาเฟ่ และร้านค้าหรูหรา สองข้างทางมีต้นเชสต์นัตที่ได้รับการตกแต่ง อย่างสวยงามปลูกเรียงราย ชื่อ "ชองป์ส เอลิเซ่ส์" มาจากคำว่า "ทุ่งเอลิเซียม" จากเทพปกรณัมกรีก ในภาษาฝรั่งเศส ชองป์ส เอลิเซ่ส์ ยังได้รับการขนานนามว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลกอีกด้วย
ชองป์ส เอลิเซ่ส์ แต่เดิมเป็นท้องทุ่งและสวนเหมือนในชนบท จนกระทั่งปี ค.ศ. 1616 เมื่อพระนาง มารี เดอ เมดิชิ สมเด็จพระราชินีนาถแห่งฝรั่งเศส ได้ทรงขยายพื้นที่บริเวณสวนหย่อมของพระราชวังตุยเลอ รีส์ (Palais des Tuileries) เป็นถนนที่มีต้นไม้สองข้างทาง ในปี ค.ศ. 1724 ได้รับการขยายไปเชื่อมกับจัตุรัสแห่งดวงดาว (Place de l'Étoile, ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น จัตุรัสชาร์ลส์ เดอ โกลล์ ที่เป็นที่ตั้งของประตูชัยฝรั่งเศส)
Cathédrale Notre Dame de Paris
มหาวิหารโนตเรอดาม (Cathédrale Notre Dame de Paris, กาเตดราลโนตเรอดามเดอปารี) เป็นมหาวิหารในสมัยกอธิค ( Gothic ) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส คำว่า Notre Dame ในชื่อของมหาวิหารนั้นแปลว่า "Our Lady" หรือ ก็คือ พระแม่มารีนั้นเอง ปัจจุบันมหาวิหารก็ยังใช้เป็นวัดของนิกายโรมันคาทอลิกและ เป็นที่นั่งของอาร์ชบิชอปแห่งปารีส มหาวิหารนอเทรอดามถือกันว่าเป็นวัดที่สวยงามที่สุดในสิ่งก่อสร้าง ยุคกอธิคแบบฝรั่งเศส วัดนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยเออแชน วียอเลต์-เลอ-ดุค ผู้เป็นสถาปนิกคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของฝรั่งเศส
การก่อสร้างเป็นแบบกอธิคเป็นมหาวิหารแรกที่สร้างในลักษณะนี้ และการก่อสร้างก็ทำต่อเนื่องมาตลอดสมัยกอธิค ปฏิมากรรม และหน้าต่างประดับกระจกสี (stained glass) มีอิทธิพลจากศิลปะแบบแนทเชอราลลิสม์ (Naturalism) ทำให้แตกต่างจาก ศิลปะโรมาเนสก์ที่สร้างก่อนหน้านั้น
นอเทรอดามเป็นหนึ่งในบรรดาสิ่งก่อสร้างแรกที่ใช้ "กำแพงค้ำยันแบบปีกนก" ตามแบบเดิมไม่ได้บ่งถึงกำแพงค้ำยันรอบมหาวิหาร "บริเวณร้องเพลงสวด" หรือ รอบทางเดินกลางของตัววัด เมื่อเริ่มสร้างกำแพงวัดสูงขึ้นกำแพงก็เริ่มร้าวเพราะน้ำหนักของสิ่งก่อ สร้าง เพราะสถาปนิกสมัยกอธิคจะเน้นการสร้างสิ่งก่อสร้างที่สูง บาง และโปร่ง เมื่อสร้างสูงขึ้นไปกำแพงก็ไม่สามารถรับน้ำหนักและความกดดันของกำแพงและ หลังคาได้ทำให้กำแพงโก่งออกไปและร้าว สถาปนิกจึงใช้วิธีแก้ด้วยการเติม "กำแพงค้ำยัน" ที่กางออกไปคล้ายปีกนกด้านนอกตัววัด เพื่อให้กำแพงค้ำยันนี้หนุนหรือค้ำกำแพงตัววัดเอาไว้ เมื่อทำไปแล้วนอกจากจะมีประโยชน์ทางการใช้สอยแล้วยังกลายเป็นเครื่องตกแต่ง ที่ทำให้สิ่งก่อสร้างมีความสวยงามขึ้น ฉะนั้นวิธีแก้ปัญหานี้จึงกลายเป็นเอกลักษณ์ส่วนหนึ่งของวัดที่สร้างแบบกอธิค ไปด้วยในตัว
ราวปี ค.ศ. 1790 ระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศสวัดก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ประติมากรรมและศิลปะทางศาสนาถูกทำลายไปมาก มหาวิหารได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 19 จนมีสภาพเหมือนก่อนหน้าที่ถูกทำลาย
Bateaux Mouches
บาโต มูช คือการล่องเรือเพื่อเที่ยวชมเมืองปารีส ของฝรั่งเศส ซึ่งจะล่องน้ำไปตามแม่น้ำแซนเพื่อชมเมืองปารีสโดยรอบ คำว่า บาโต มูช ( Bateaux Mouches ) นั้นเป็นคำที่มาจากชื่อเครื่องหมายทางการค่า ของ คอมปานี เดส บาโต มูช ( Compagnie des Bateaux Mouches ) ซึ่งเป็นผู้ที่ในการบริการล่องเรือในกรุงปารีส คำว่า บาโต มูช ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่า เรือแมลงวัน ซึ่งเป็นการใช้คำที่เข้าใจผิด อันที่จริงแล้ว เป็นการนำคำมาจากสถานที่ที่สร้างเรือ คือ บริเวร ย่านมูช ( Mouche ) ใน เมืองริยง ( Lyon )
เรือที่นำเที่ยวนี้เป็นที่นิยมมากใน ปารีส เรือมีที่นั้งเยอะและจะมีบริเวณที่เปิดและปิดหลังคาให้เลือกนั่งได้ ใช้เวลาในการชมเมืองประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งหลายๆ บริษัทมีการให้บริการอาหารกลางวัน รวมไปถึงอาหารเย็นบนเรืออีกด้วย
เนื่องจากแม่น้ำแซนตั้งอยู่ใจกลางเมืองใหญ่อย่าง ปารีส ทำให้การล่องเรือไปตามแม่น้ำนั้นได้พบกับสถานที่ที่สวยงามมากมายที่อยู่ในปารีส เช่น หอไอเฟล, มหาวิหารนอร์ทเทอดาม, สะพานอเล็กซานเดอร์ที่ 3 และ พิพิธภัณฑ์ลูฟ เป็นต้น ดังนั้น การมาล่องเรือ บาโต มูช เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งสำหรับคนที่มาเที่ยวฝรั่งเศส จะต้องแวะเวียนมา
Obélisque de Louxor
โอเบริกส์แห่งลักซอร์ ( The Luxor Obelish ) เป็นโอเบลิกส์ศิลปะอียิปต์โบราณตั้งอยู่ตรงกลางของจตุรัส คองคอร์ด ( Place de la Concorde) ซึ่งแต่เดิมแล้ว มันตั้งอยู่ที่ทางเข้าของวัดลักซอร์ ( Luxor Temple ) ในประเทศ อียิปต์ สร้างจากหินแกรนิตสีแดงทั้งก้อน มีความสูงถึง 23 เมตร หนัก 250 ตัน ตัวโอเบริกส์ตกแต่งด้วยรูป ฮีโรกลีฟิก เพื่อเป็นการสรรเสริญประเกียจติ์ ฟาโร รามเสสที่ 2 ในสมัย อียิปต์โบราณ
Musée du Louvre
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ หรือในชื่อทางการว่า the Grand Louvre เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะ ที่ตั้งอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยได้เปิดให้สาธารณะชนเข้าชมได้เมื่อปี พ.ศ. 2336 (ค.ศ. 1793) มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์คาเปเทียง ตัวอาคารเดิมทีเคยเป็นพระราชวังหลวง ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่า ระดับโลกเป็นจำนวนมาก เช่น ภาพเขียนโมนาลิซา, The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชี หรือภาพ Venus de Milo ของอเล็กซานดรอสแห่ง Antioch พิพิธภัณฑ์ลูฟ นั้นต้อนรับนักเที่ยวที่มาเที่ยวฝรั่งเศส โดยเฉพาะปารีส กว่า 8,000,000 คนต่อปี โดยพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ออกแบบโดย ไอ. เอ็ม. เป สถาปนิกชาวจีน-อเมริกัน
La Tour Eiffel
หอไอเฟล (ฝรั่งเศส: Tour Eiffel, ตูร์แอฟแฟล; อังกฤษ: Eiffel Tower) หอคอยโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่บนถนนชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีส หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย โดยตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบ "กุสตาฟ ไอเฟล" ในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวมาชมกว่า 6,000,000 คน และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟลมีความสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) (รวมเสาอากาศสูง 24 เมตร (79 ฟุต)) ซึ่งก็สูงเท่ากับตึก 81 ชั้น
เมื่อหอไอเฟลสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) หอไอเฟลกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกแทนที่อนุสาวรีย์ วอชิงตัน และได้ครองตำแหน่งนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) ก็ได้เสียตำแหน่งให้แก่ตึกไครส์เลอร์ (319 เมตร หรือ 1,047 ฟุต) น้ำหนักเหล็กที่ใช้ก่อสร้างนั้นทั้งหมด 7,300 ตัน และถ้ารวมทั้งหมดก็เป็น 10,000 ตัน ส่วนจำนวนบันไดนั้นเปลี่ยนแปลงตลอด เมื่อแรกเริ่มนั้นมี 1710 ขั้น ในทศวรรษที่ 1980 มี 1920 ขั้น และในปัจจุบัน มี 1665 ขั้น
Château de Chenonceau
ปราสาทเชอนองโซ เป็นปราสาทที่สง่างามที่สุดในเขตหุบเขาลุ่มแม่น้ำลัวร์ ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำแชร์ ที่สร้างสมัยศตวรรษที่ 16 เน้นในเรื่องสถาปัตยกรรมที่สวยงาม มี ฐานโค้งที่สวยงามรองรับตัวปราสาท ตัวเสาฝังอยู่ที่ก้นแม่น้ำ ปราสาทจึงดูคล้ายลอยอยู่เหนือน้ำ ปราสาทมีสวนสวยและป่าละเมาะที่แวดล้อมอยู่โดยรอบ ช่วยส่งให้ปราสาทแห่งนี้โดดเด่นยิ่งขึ้น ภายในมีเครื่องเรือนเก่าแก่และภาพวาดมากมาย
Le Mont Saint Michel
มงแซงต์-มิเชล คือวิหารที่ตั้งอยู่บนเกาะโดดเดี่ยว กลางทะเลชายฝั่งตะวันตก บริเวณบาส-นอร์มองดีของประเทศ ฝรั่งเศส ได้รับประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็น มรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2522 ภายใต้ชื่อ มงแซง-มีแชลและอ่าว และยังเป็นศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป เทียบได้กับมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ( Saint Peter Cathedal )แห่งกรุงโรม สร้างมาหลายยุคหลายสมัยเปลี่ยนแปลงรูปแบบตลอดการสร้าง จน ค.ศ. 966 นักบวชนิกายเบเนดิกตีนจากวิหารแซ็ง-ว็องดรีย์ ได้สร้างโบสถ์และอาคารขึ้นใหม่เป็นอารามขนาดใหญ่ และมีการตั้งชื่อใหม่ว่ามงแซ็งต์-มิเชล
ในปีหนึ่งจะมีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือนมงแซง-มีแชลกว่า 3 ล้าน 2 แสนคน ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยงยอดนิยมอันดับที่ 3 ของประเทศฝรั่งเศสรองลงมาจากหอไอเฟลและพระราชวังแวร์ซาย
ตัวเกาะอันเป็นที่ตั้งของวิหารนั้นเป็นหินแกรนิต โดยมีเส้นรอบวงเกาะประมาณ 960 เมตร และสูง 92 เมตร แล้วถ้าบวกกับความสูงของตัววิหารนั้นแล้วก็จะมีความสูงถึง 155 แมตร บนยอดวิหารเป็นรูปปั้นทองของเทวดามิเชล (ไมเคิล) สร้างโดย เอมานูแอล เฟรมีเย (Emmanuel Frémiet)
Nice
นีซ เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของฝรั่งเศส นีซเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมชั้นเยี่ยม ซากปรักหักพัง พิพิธภัณฑ์ ร้านเสื้อผ้า ตลาดกลางแจ้ง ภัตตาคาร และชีวิตในยามค่ำคืน ทำให้นีซเป็นสถานที่ยอดเยี่ยมที่น่าไปเยี่ยมชม นีซเป็นเมืองที่มีบรรยากาศผ่อนคลาย ประวัติศาสตร์อันยาวนานของภูมิภาคนี้ส่งผลให้เมืองนี้มีวัฒนธรรมที่โดดเด่น นอกเหนือจากวัฒนธรรมฝรั่งเศสยังสัมผัสได้ถึงอิทธิพลที่ได้รับจากชาวอิตาเลี่ยนและจากดินแดนอาณานิคมอย่างเกาะคอร์ซิกา ที่นีซมีงานเทศงานคาร์นิวัลใน เดือนกุมภาพันธ์ เทศกาลเพลงแจ๊สในเดือนกรกฎาคม และงานแสดงศิลปะตลอดทั้งปี รวมถึงงานอื่นๆที่สร้างสีสันให้เมืองนี้อยู่เสมอ
Deauville
โดวิลส์ เมืองตากอากาศริมทะเลอีกเมืองหนึ่ง ที่ดาราและนางแบบนิยมมาถ่ายรูปลงปกนิตยสารกันอยู่เป็นประจำ มีการสร้างสะพานไม้ เพื่อการนี้โดยเฉพาะ สามารถเดินเที่ยวชมเมืองเล็กๆ ที่หรูหรา และแวดล้อมไปด้วยกลิ่นอายของเหล่าชนชั้นสูงในอดีต ตัวเมืองเรียงรายไปด้วยด้วยอาคารร้านค้าสวยงาม ขายสินค้ายี่ห้อดังๆ อาทิ กุชชี่, คาร์เทียร์, คริสเตียนดิออร์, หลุยส์ วิตตอง, ปราดาและห้างแพรงตองส์ ในบรรยากาศสบายๆ
Grasse
เมือง กราซ ในแคว้น Provence ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการผลิตน้ำหอมของฝรั่งเศส กลิ่นหอมจากดอกไม้และพืชนานาชนิดถูกนักผสมน้ำหอมหรือ Le Nez ทำการผลิตจากการผสมกลิ่นหอมต่างๆ และมีการตั้งชื่อด้วยคำจากภาษาวรรณกรรมหรือบุคคลเป็นส่วนใหญ่ จนเริ่มมีร้านขายน้ำหอมเปิดจำหน่ายเป็นร้านเฉพาะจากเดิมที่จำหน่ายร่วมกับ เวชภัณฑ์ โดยมีการตกแต่งร้านขายน้ำหอมอย่างงดงามด้วยกระจกเงาและสีสันที่อ่อนโยน จนทุกคนเป็นต้องเหลียวมองเมื่อเดินผ่าน
การเดินทางในฝรั่งเศส
ทางรถยนต์
ถนนหนทางใน ฝรั่งเศสมีสภาพดีเยี่ยมและโยงใยเป็นเครือข่าย คิดเป็นระยะทางรวมกันได้เกือบ 1 ล้านกิโลเมตร ช่วงเวลาที่การ จราจรมีปัญหามากที่สุด คือ 7.30 น. ถึง 9.00 น. และ 17.30 น. ถึง 19.30 น. ในวันทำการปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนรอบเมืองใหญ่ๆ และในใจกลางเมืองทุกแห่ง นอกจากนี้วันแรกๆ ของการปิดภาคเรียนหรือช่วงพักร้อนประจำปี การจราจรจะติดขัดมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่งตามจุดสำคัญๆ เช่น บนถนนสายที่จะออกนอกเมือง หรือตามด่านเก็บค่าผ่านทาง
การจอดรถในที่ต่างๆ ที่ฝรั่งเศษนั้นจะมีกฎระเบียบที่เคร่งครัดและต้องเสียค่าจอดรถเป็นส่วนใหญ่ สถานที่ที่อนุญาติให้จอดได้จะต้องมีสัญลักษณ์แสดงอยู่ที่พื้นถนน เป็นเส้นประสีขาว และจะต้องหยอดเงินและรับตั๋วที่ตู้เก็บค่าจอดรถอัตดนมัติทุกครั้ง ทุกเมืองจะมีที่จอดรถที่สามารถจอดรถและใช้ระบบขนส่งมวลชนต่อได้
ทางเครื่องบิน
เป็นวิธีการเดินทางระหว่างเมืองที่รวดเร็วที่สุด (เมืองที่ มีเครื่องบินให้บริการนั้น จะต้องมีระยะทางที่ห่างกันเพียงพอต่อจุดคุ้มทุนสำหรับสายการบิน)
แอร์ฟรานซ์ ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติ มีเที่ยวบินเชื่อมระหว่างปารีสกับเมืองสำคัญต่างๆ ในฝรั่งเศส โดยใช้เวลาบินแต่ละเส้นทางเฉลี่ยประมาณ 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีเที่ยวบินระหว่างเมืองต่างๆ ในส่วนภูมิภาคโดยไม่ต้องผ่านปารีสอีกด้วย
แอร์ฟรานซ์ ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติ มีเที่ยวบินเชื่อมระหว่างปารีสกับเมืองสำคัญต่างๆ ในฝรั่งเศส โดยใช้เวลาบินแต่ละเส้นทางเฉลี่ยประมาณ 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีเที่ยวบินระหว่างเมืองต่างๆ ในส่วนภูมิภาคโดยไม่ต้องผ่านปารีสอีกด้วย
ทางรถไฟ
รถไฟเป็นการเดินทางที่สะดวกสบายรวดเร็วและเป็นที่นิยม อย่างมากในฝรั่งเศส เครือข่ายเส้นทางรถไฟของฝรั่งเศสครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางแทบทุกจุด (โดยเฉพาะ อย่างยิ่งหากเดินทางไปจากปารีส) การติดต่อระหว่างเมืองต่างๆ รวดเร็วและปลอดภัยด้วยบริการของรถไฟความเร็วสูง หรือรถด่วนพิเศษระหว่างเมือง
* รถไฟความเร็วสูง
รถไฟ TGV เป็นผล งานความสำเร็จทางเทคโนโลยีที่ฝรั่งเศสภาคภูมิใจด้วยสมรรถนะความเร็วที่สูง ถึง 300 กม./ชม. ดังนั้นการเดินทางโดย TGV นอกจากจะปลอดภัย ตรงเวลาและสะดวกสบายแล้ว ยังสามารถประหยัดเวลาเดินทางจากปารีสไปยังเมืองสำคัญต่างๆ ของฝรั่งเศสได้เป็นอย่างดี เช่น จากปารีสไปเมืองลิลภายในเวลา 1 ชั่วโมง ไปมาร์เซยย์หรือบอร์โดภายใน 3 ชั่วโมง ไปแรนน์ภายใน 2 ชั่วโมง... แต่ที่สำคัญคือคุณต้องจองที่นั่งล่วงหน้าเสมอ ถึงแม้ว่าจะมาถึงสถานีรถไฟก่อนออกเดินทางเพียงไม่กี่นาทีก็ตาม
รถไฟ TGV เป็นผล งานความสำเร็จทางเทคโนโลยีที่ฝรั่งเศสภาคภูมิใจด้วยสมรรถนะความเร็วที่สูง ถึง 300 กม./ชม. ดังนั้นการเดินทางโดย TGV นอกจากจะปลอดภัย ตรงเวลาและสะดวกสบายแล้ว ยังสามารถประหยัดเวลาเดินทางจากปารีสไปยังเมืองสำคัญต่างๆ ของฝรั่งเศสได้เป็นอย่างดี เช่น จากปารีสไปเมืองลิลภายในเวลา 1 ชั่วโมง ไปมาร์เซยย์หรือบอร์โดภายใน 3 ชั่วโมง ไปแรนน์ภายใน 2 ชั่วโมง... แต่ที่สำคัญคือคุณต้องจองที่นั่งล่วงหน้าเสมอ ถึงแม้ว่าจะมาถึงสถานีรถไฟก่อนออกเดินทางเพียงไม่กี่นาทีก็ตาม
* ข้อควรทราบ
ก่อนขึ้นรถไฟ ฝรั่งเศส คุณจะต้องนำตั๋วรถไฟไปตอกลงตราที่เครื่องอัตโนมัติ (เป็นตู้สี ส้มที่ตั้งอยู่ก่อนเข้าไปยังชานชาลารถไฟ) หากคุณรีบจนตอกตั๋วไม่ทันก่อนขึ้นขบวนรถ คุณจะต้องแจ้งให้นายตรวจที่ประจำอยู่บนขบวนรถไฟทราบโดยทันที มิฉะนั้นคุณจะต้องถูกปรับในภายหลัง
ก่อนขึ้นรถไฟ ฝรั่งเศส คุณจะต้องนำตั๋วรถไฟไปตอกลงตราที่เครื่องอัตโนมัติ (เป็นตู้สี ส้มที่ตั้งอยู่ก่อนเข้าไปยังชานชาลารถไฟ) หากคุณรีบจนตอกตั๋วไม่ทันก่อนขึ้นขบวนรถ คุณจะต้องแจ้งให้นายตรวจที่ประจำอยู่บนขบวนรถไฟทราบโดยทันที มิฉะนั้นคุณจะต้องถูกปรับในภายหลัง
* ขนส่งมวลชน
นอกเหนือจากรถ เมล์ประจำทางที่วิ่งขนส่งผู้โดยสารอยู่แทบทุกเมืองแล้ว บางแห่งยังมีรถไฟใต้ดินหรือรถรางให้บริการเสริม โดยจะรับส่งผู้โดยสารจากแถบชานเมืองเข้าสู่ใจกลายเมืองแต่ละแห่ง จึงเป็นวิธีที่รวดเร็วและประหยัดที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชม เมืองต่างๆ ให้ทั่วโดยไม่ต้องเหนื่อยแรง
นอกเหนือจากรถ เมล์ประจำทางที่วิ่งขนส่งผู้โดยสารอยู่แทบทุกเมืองแล้ว บางแห่งยังมีรถไฟใต้ดินหรือรถรางให้บริการเสริม โดยจะรับส่งผู้โดยสารจากแถบชานเมืองเข้าสู่ใจกลายเมืองแต่ละแห่ง จึงเป็นวิธีที่รวดเร็วและประหยัดที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชม เมืองต่างๆ ให้ทั่วโดยไม่ต้องเหนื่อยแรง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)